ในสมัยก่อนนั้นเมืองไทยพวกเรามีข้อบังคับและก็กรรมวิธีการลงทัณฑ์ผู้ทำผิด โดยการนำเอาผู้ต้องขังใส่ลงไปในสิ่งกลมๆที่สานด้วยหวายให้ช้างเตะ
แต่ว่าสิ่งที่ช่วยส่งเสริมความเป็นมาของตะกร้อเจริญเป็นในพระราชนิพนธ์เรื่องอิเหนาของรัชกาลที่ 2 ในเรื่องมีบางขณะที่เอ่ยถึงการเล่นตะกร้อ แล้วก็ที่ระเบียงโบสถ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งเขียนเรื่องรามเกียรติ์ ก็มีภาพการเล่นตะกร้อแสดงไว้ให้คนรุ่นต่อไปรุ่นหลานได้รับทราบโดยภูมิศาสตร์ของไทยเองก็ช่วยเหลือช่วยเหลือให้พวกเราได้รู้ประวัติความเป็นมาของตะกร้อ เป็นประเทศของพวกเราอุดมไปด้วยไผ่ หวายคนประเทศไทยนิยมนำเอาหวายมาสานเป็นสิ่งของเครื่องใช้ ข่าวตะกร้อ รวมทั้งการละเล่นท้องถิ่นด้วย ทั้งจำพวกของกีฬาตะกร้อในประเทศไทยก็มีหลายจำพวก ดังเช่น ตะกร้อวง ตะกร้อลอดห่วง ตะกร้อชิงธงรวมทั้งการแสดงตะกร้อพลิกแพลงต่างๆซึ่งการเล่นตะกร้อของประเทศอื่นๆนั้นมีการเล่นไม่หลายแบบหลายแนวทางอาทิเช่นของไทยพวกเรา การเล่นตะกร้อมีพัฒนาการอย่างสม่ำเสมอมาตามลำดับอีกทั้งด้านแบบรวมทั้งวัตถุดิบสำหรับในการทำมาจากยุคแรกเป็นผ้า , หนังสัตว์ , หวาย , จนกระทั่งจำพวกสังเคราะห์ ( พลาสติก )
ความหมาย คำว่าตะกร้อ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถานที่ พ . ศ . 2525 ได้บอกคำจำกัดความเอาไว้ว่า ” ลูกกลมสานด้วยหวายเป็นตา สำหรับเตะ พัฒนาการการเล่นการเล่นตะกร้อได้มีพัฒนาการสำหรับการเล่นมาอย่างสม่ำเสมอ ในยุคแรกๆก็เป็นเพียงแต่การช่วยกันเตะลูกไม่ให้ตกถึงพื้นถัดมาเมื่อกำเนิดความชำนิชำนาญรวมทั้งหนีความจำเจ ก็อาจจะมีการเริ่มเล่นด้วยหัว หัวเข่า ศอก ไหล่ มีการจัดเพิ่มท่าให้ยากแล้วก็งดงามขึ้นเป็นลำดับ แล้วต่อจากนั้นก็ตกลงวางข้อตกลงการเล่นโดยอำนวยต่อผู้เล่นเป็นสาธารณะ บางทีอาจไม่เหมือนกันไปตามภาวะพื้นที่ของแต่ละพื้นที่ แต่ว่าอาจจะมีความใกล้เคียงกันเยอะพอควตะกร้อนั้นมีเยอะแยะหลายหมวด ได้แก่ ตะกร้อผ่านตาข่าย – ตะกร้อลอดบ่วง – ตะกร้อพลิกแพลงฯลเมื่อมีการวางข้อตกลงแล้วก็ท่าทีสำหรับเพื่อการเล่นอย่างพอดีและก็เริ่มมีการแข่งกันเกิดขึ้นในประเทศไทยตาม
